เรขศิลป์นิเวศวัฒนธรรมมุสลิม
ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา
The Graphic Art
of Muslim Cultural Ecology
of Songkhla Lake Basin
หลักการและเหตุผล ความเป็นมา
ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลามีพื้นที่ครอบคลุมตั้งเเต่ตอนใต้ของจังหวัดนครศรีธรรมราชในอำเภอชะอวด อำเภอหัวไทร จังหวัดพัทลุงทั้งจังหวัดและจังหวัดสงขลายกเว้นอำเภอจะนะ เทพา นาทวี สะบ้าย้อย มีคนหลากหลายกลุ่ม ศาสนาอาศัยอยู่ร่วมกัน โดยมุสลิมเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา
มุสลิมลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา เป็นกลุ่มคนที่ใช้ภาษาไทยถิ่นใต้เป็นภาษาเเม่ มีระบบคำเรียกเครือญาติที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัวใช้คำมลายูผสมคำไทยบางคำ หลักฐานที่ปรากฎถึงการมีคนมุสลิมเข้ามาในพ้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาเมื่อ 411ปีก่อน ในบริเวณตำบลหัวเขา อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา และพบกระจายตัวอยู่ในภูมินิเวศหลัก ๆ สามลักษณะได้แก่ 1) พื้นที่ควน (ภูเขา) 2) พื้นที่ราบ 3) พื้นที่ชายเล (ชายทะเล) (ข้อมูลจากการลงสำรวจพื้นโดยสามารถ สาเร็ม) โดยชุมชนมุสลิมลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลานั้น มีการตั้งถิ่นฐานอยู่ในพื้นที่หลัก ๆ เช่น บ้านหัวเขา ตำบลหัวเขา อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา บ้านควน ตำบลคูเต่า อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา บ้านคลองกั่ว ตำบลเขาพระ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา บ้านปากพะยูน ตำบลปากพะยูน อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง บ้านเกาะนางคำ ตำบลเกาะนางคำ อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง บ้านชะรัด ตำบลชะรัด อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง คนกลุ่มนี้ มีอัตลักษณ์ความเป็นอยู่ วิถีความเชื่อที่เชื่อมโยงภูมินิเวศทั้งสามอย่างที่กล่าวมา ซึ่งมีความแตกต่างจากมุสลิมกลุ่มอื่น ๆ เช่น มุสลิมมลายู (นายู) ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งใช้ภาษาถิ่นมลายูปตานีเป็นภาษาเเม่ มุสลิมจาม (เขมร) ที่ชุมชนบ้านครัว กรุงเทพมหานคร มุสลิมจีนฮ่อในจังหวัดเชียงใหม่
วัฒนธรรมประเพณีที่เป็นเอกลักษณะเฉพาะของมุสลิมลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาเช่น มีการทำบุญกุโบร์หรือการทำบุญให้บรรพบรุรุษในช่วงเดือน 4 – 6 ตามปฎิทินจันทรคติ และการทำบุญวันเกิดนบีมูฮัมหมัดซึ่งมีการนำขนมผลไม้มาจัดใส่ภาชนะเรียกว่า ดับจาด เป็นต้น
หากแต่การรับรู้ถึงความแตกต่างของกลุ่มคนมุสลิมในลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ยังไม่มีการสำรวจและบันทึกออกมาเป็นเอกสารหลักฐานมากนัก ซึ่งส่งผลให้เกิดความไม่เข้าใจถึงความแตกต่างเฉพาะตัว

กลุ่มนิเวศวิทยาวัฒนธรรมลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาซึ่งทางผู้เสนอโครงการฯ ได้ทำขึ้นตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน มีสมาชิกและผู้ติดตาม ในกลุ่ม 4,446 คน และในเพจ 1,854 คน (ข้อมูลวันที่ 13 ตุลาคม 2567) เป็นกลุ่มที่เกิดขึ้นโดยมีเป้าหมายเพื่อ นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิตวัฒนธรรมของผู้คนในบริเวณพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาและพื้นที่ใกล้เคียงโดยแบ่งออกเป็นแปดคอลัมส์ดังนี้ หุงข้าวทำกับ วิถีชีวิต หัตถศิลป์หัตถกรรม ภาพเก่าเล่าเรื่อง เหตุเกิดในลุ่มเลสาบ สิ่งสรรค์พันละน้อย นิเวศประวัติศาสตร์ โดยเผยแพร่ในเว็บไซต์ www.savesigora.com
ข้อค้นพบบางประการที่น่าสนใจจากการเก็บข้อมูลของเพจนิเวศวิทยาวัฒนธรรมลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา เกี่ยวกับลวดลายและรายละเอียดที่ปรากฎอยู่ในงานสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมมของชุมชนมุสลิมในพื้นที่ เช่น มัสยิดยาบัลโหรดเหร๊าะหม๊ะ บ้านหัวเขา ตำบลหัวเขา อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา พบลวดลายประดับหน้าบัน อักษรอาหรับประดิษฐ์, มัสยิดยูมัลอิสลาม บ้านคูขุด ตำบลคูขุด อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา พบลวดลายฉลุไม้ที่มิมบัร (ธรรมาสน์), มัสยิดนูรุลอิสลาม บ้านท่าสะอ่าน ตำบลพะวง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา, พบมิมมัรโบราณมีลักษณะแตกต่างจากที่อื่นคือลวดลายฉลุจากไม้ เป็นรูปคล้ายราหูอมจันทร์ซึ่งเป็นการสะท้อนคติความเชื่อก่อนรับอิสลามผ่านงานศิลปะ, มัสยิดบ้านดอนขี้เหล็ก ตำบลพะวง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา พบมิมบัรที่มีรูปแบบทางศิลปะแบบบุษบก, อาคารมัสยิดที่มีคันทวยแบบพื้นถิ่นพบที่ มัสยิดบ้านท่าเสา ตำบลสทิงหม้อ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา มัสยิดบ้านด่าน ตำบลเกาะแต้ว อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา มัสยิดบ้านเกาะเเต้ว ตำบลเกาะเเต้ว อำเภอเมือง จังหวัดสงขลาและมัสยิดบ้านหาดไข่เต่า ตำบลนาปะขอ อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุุงซึ่งศิลปกรรมเหล่านี้สร้างสรรค์ขึ้นโดยช่างในพื้นที่ และเป็นการผสานระหว่างรากวัฒนธรรมดั้งเดิมที่มีอยู่ก่อนเข้ากับศาสนาอิสลามได้อย่างน่าสนใจ
นอกจากนี้ จากการเก็บข้อมูลภาคสนามในเรื่อง “เครื่องหมายบนหลุมฝังศพของคนมุสลิมลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา” โดยนายสามารถ สาเร็ม นักวิจัยชุมชนของโครงการฯ ยังพบอีกว่าในพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลานั้นยังคงมีกุโบร์ (สุสาน) สมัยอยุธยาเช่น กุโบร์(สุสาน) สุลต่านสุลัยมาน ชาร์ พบหลุมฝังศพที่ียังปรากฏสัญลักษณ์บนหลุมฝังศพเป็นสกุล “ช่างบาตูอาเจะ” ซึ่งถือกันว่าเป็นสัญลักษณ์บนหลุมฝังศพที่สวยงามที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้้ (สุนิติ จุฑามาศ. 2554 การศึกษาหินปักหลุมฝังศพแบบบาตูอาเจ๊ะในบริเวณเมืองโบราณริมอ่าวปัตตานี.คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร) และยังพบงานฝีมือของช่างท้องถิ่นที่ปรากฎอยู่ในสุสานต่าง ๆ อีกหลายแห่งเช่น กุโบร์ (สุสาน) ของบ้านหัวเขาพบไม้แลสัน(เครื่องหมายบนหลุมฝังศพ) ที่มีลวดลายดอกไม้ ใบไม้ และลวดลายศิลปะ ที่มีรูปทรงที่หลากหลายเป็นเอกลักษณ์

ดังที่กล่าวมาแล้ว โครงการ “เรขศิลป์นิเวศวัฒนธรรมมุสลิมลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา” นี้ จึงริเริ่มขึ้น เพื่อทำการเก็บรวบรวมข้อมูล อัตลักษณ์ วิถีชุมชน ดังเช่นตัวอย่างที่ได้กล่าวมาข้างต้น แล้วจึงนำมาวิเคราะห์ ออกแบบเรขศิลป์ (Graphic Art) เพื่อนำมาใช้เป็นฐานข้อมูลตั้งต้นในการนำออกแบบงานศิลปะร่วมสมัยในแขนงอื่นๆ ทั้งในระดับชุมชนและระดับภูมิภาค เพื่อส่งเสริมให้ชุมชนหรือสังคม มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับอัตลักษณ์ของความเป็นมุสลิมลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาและรวมถึงส่งเสริมให้เกิดการต่อยอดเพิ่มมูลค่าของสินค้าหรือบริการของชุมชน เกิดโอกาสทางการแข่งขันทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนอย่างสร้างสรรค์ โดยในการดำเนินโครงการครั้งนี้ จะเป็นการนำเรขศิลป์ (Graphic Art) ที่ได้จากนิเวศวัฒนธรรมมุสลิมลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา มาออกแบบนำร่องเป็น
(1) เว็ปไซต์นิเวศวิทยาวัฒนธรรมลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ที่แสดงข้อมูลเกี่ยวกับสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม สำคัญในพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ทั้งที่ทางผู้ดำเนินโครงการฯได้เคยศึกษาข้อมูลไว้รวมถึงข้อมูลที่ได้เพิ่มเติมระหว่างการดำเนินโครงการฯ
(2) หนังสือ “เรขศิลป์นิเวศวัฒนธรรมมุสลิมลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา” ที่มีเนื้อหาประกอบไปด้วยข้อมูลที่ได้จากการดำเนินโครงการฯ และบทวิเคราะห์หรือข้อค้นพบเกี่ยวกับเรขศิลป์ ได้แก่ลวดลาย สี รายละเอียดที่สามารถใช้เป็นแนวทางในการออกแบบหรือประยุกต์ใช้ในงานศิลปกรรมหรือผลิตภัณฑ์
(3) ผลิตภัณฑ์ชุมชนนำร่อง ที่ประยุกต์ใช้งานเรขศิลป์ที่ได้จากโครงการฯจำนวน 1 ชิ้น และทดลองจัดจำหน่าย
(4) เกิดกิจกรรมเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเรื่อง “เรขศิลป์นิเวศวัฒนธรรมมุสลิมลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา” ให้กับภาคีเครือข่ายหรือผู้ที่สนใจ จำนวน 1 ครั้ง
ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาเป็นพื้นที่หนึ่งที่มีความน่าสนใจเพราะมีความหลากหลายของผู้คน โดยเฉพาะกลุ่มมุสลิมในพื้นที่แห่งนี้ มีอัตลักษณ์เฉพาะตน แม้ว่าจะยังไม่เป็นที่รับรู้ในสังคมมากนัก การศึกษาในครั้งนี้ ทางผู้ดำเนินโครงการฯ มีความเชื่อมั่นว่า จะนำมาซึ่งองค์ความรู้มีเป็นประโยชน์ในการนำเป็นฐานคิดสำคัญ โดยใช้งานเรขศิลป์ (Graphic Art) เป็นสิ่งเชื่อมโยงศิลปะ วิถีชีวิต และเศรษฐกิจสังคมชุมชนเข้าด้วยกัน ตลอดจนสร้างเป็นการเรียนรู้ให้กับสังคมในวงกว้างต่อไป

